องค์การสันนิบาตชาติ ( League of Nations )
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา
ได้เสนอให้ก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้น เพื่อเป็นองค์การกลางที่จะใช้แก้ปัญหากรณีพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธีได้มีการประชุมครั้งแรก
ณ นครเจนิวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
1) สมาชิกภาพ
2) วัตถุประสงค์
การดำรงสันติภาพและป้องกันสงครามในอนาคตองค์การสันนิบาตชาติมีหลักในความร่วมมือกัน ดังนี้
1. รักษาความปลอดภัยและความมั่นคงระหว่างประเทศ
2. เป็นองค์กรกลางในการตัดสินชี้ขาดกรณีพิพาท
3. ดำเนินการลดกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์
4. ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเปิดความสัมพันธ์ทางการทูต
1. สมัชชา คือที่ประชุมใหญ่ขององค์การประกอบด้วยผู้แทนของประเทศสมาชิกทั้งหมด มีวาระการประชุมปีละครั้ง เพื่อพิจารณาปัญหาต่างๆที่อาจส่งผลกระทบต่อสันติภาพของโลก
2. คณะมนตรี ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารองค์การ ประชุมกันปีละครั้ง เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ
ที่เป็นภัยคุกคาม
ต่อสันติภาพของโลก
3. สำนักงานเลขาธิการ ได้รับเลือกจากคณะมนตรี
มีหน้าที่เป็นสำนักงานจัดทำรายงาน รักษาเอกสารหลักฐาน
4. คณะกรรมาธิการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับกิจการด้านเศรษฐกิจและสังคม
5. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ทำหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศในการพิจารณาคดีต่างๆ
และกรณีพิพาทเกี่ยวกับพรมแดน
4) ผลงานขององค์การสันนิบาตชาติ
- ผลงานที่ประสบความสำเร็จ4) ผลงานขององค์การสันนิบาตชาติ
ผลงานที่ประสบความสำเร็จ กรณีหมู่เกาะอาลันด์ ที่สวีเดนและฟินแลนด์ต่างแย่งชิงกันจะเข้าครอบครององค์การสันนิบาตชาติตัดสินให้มอบหมู่เกาะอาลันด์อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของฟินแลนด์ แต่ต้องเป็นดินแดนปลอดทหารและมีสถานภาพกึ่งอิสระ
- ผลงานที่ไม่ประสบความสำเร็จ
เหตุการณ์ญี่ปุ่นรุกรานแคว้นแมนจูเรียของจีน
องค์การสันนิบาตชาติไม่สามารถใช้มาตรการใดๆลงโทษญี่ปุ่นได้
เหตุการณ์รุนแรงที่เกาะคอร์ฟู อิตาลีใช้กำลังเข้ายึดครองเกาะคอร์ฟูของกรีซ
ซึ่งองค์การสันนิบาตชาติไม่สามารถยับยั้ง
หรือลงโทษอิตาลีได้
ทั้งๆที่กรีซและอิตาลีต่างก็เป็นสมาชิกขององค์การ
เยอรมนีละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซาย
โดยการส่งทหารเข้าสู่เขตปลอดทหารไรน์แลนด์ของเยอรมนี
สงครามอะบิสซิเนีย ที่อิตาลีส่งกองทัพบุกอะบิสซิเนีย (เอธิโอเปีย)
โดยไม่ประกาศสงคราม และสามารถยึดกรุงแอดดิสอาบาบาได้
ซึ่งสมัชชาขององค์การสันนิบาตชาติได้ลงมติประณามอิตาลีว่าเป็นฝ่ายรุกราน
และลงโทษอิตาลีโดยการงดติดต่อค้าขายกับอิตาลี
แต่ไม่ได้ผลเพราะอิตาลีได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี อีกทั้งอิตาลียังตอบโต้
ด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การสันนิบาตชาติอีกด้วย
การที่องค์การสันนิบาตชาติเกิดความอ่อนแอ
เนื่องมาจากการมีความคิดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
โดยมองว่าทุกประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกัน
แต่ความจริงแล้วในช่วงเวลาหลังสงครามโลกครั้งที่
1 แต่ละประเทศคิดถึงแต่ผลประโยชน์เป็นหลักสำคัญที่สุด
เหนือบทบาทขององค์การสันนิบาตชาติ
ทำให้องค์การสันนิบาตชาติไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้และประสบความล้มเหลวตลอดมา
จนกระทั่งองค์การสันนิบาตชาติสิ้นสภาพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
1. ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เป็นสมาชิก กฎข้อบังคับขององค์การสันนิบาตชาติจะบังคับใช้ได้ผลเฉพาะกับประเทศสมาชิก
2.
ประเทศมหาอำนาจโจมตีประเทศอื่น
ฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมได้เข้ายึดครองเหมืองแร่ถ่านหินในแคว้นรูห์ของเยอรมนี
ทั้งนี้เนื่องจากเยอรมนีซึ่งเป็นผู้แพ้สงครามไม่สามารถจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามตามกำหนดได้
เยอรมนีจึงตอบโต้โดยการนัดหยุดงานทั่วประเทศและก่อวินาศกรรม
ดังนั้นแม้ว่าจะมีองค์การสันนิบาตชาติ
แต่เมื่อประเทศมหาอำนาจต้องการผลประโยชน์หรือเสียผลประโยชน์ มหาอำนาจเหล่านี้จะเพิกเฉยต่อบทบาทและหน้าที่ขององค์การสันนิบาตชาติ
หรือลาออกจากการเป็นสมาชิก
ซึ่งองค์การสันนิบาตชาติก็ไม่สามารถปฏิบัติการใดๆอันเป็นการตอบโต้ต่อประเทศเหล่านั้นได้
หลังจากการก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติมาได้ 20 ปี สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น